กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1147
ชื่อเรื่อง: การพัฒนากระบวนการยุติธรรมในการกำหนดระยะพ้นมลทิน เพื่อการลดจำนวน ผู้กระทำผิดซ้ำ : ศึกษากรณีเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานีกรมราชทัณฑ์ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
ชื่อเรื่องอื่นๆ: Development of Judicial Process to Define Parameter of Crime-Free Period to Lower Number of Repeat Offender : Case Study Suratthani Central Prison Department of Corrections Amphoe Muang, Suratthani Province
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: ฉัตตมาศ วิเศษสินธุ์
คำสำคัญ: การกำหนดระยะพ้นมลทิน
การกระทำผิดซ้ำ
ผู้ต้องขัง
กรมราชทัณฑ์
วันที่เผยแพร่: 19-กัน-2568
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
บทคัดย่อ: การวิจัยนี้มุ่งศึกษาการพัฒนากระบวนการยุติธรรมในการกำหนดระยะพ้นมลทิน เพื่อการลด จำนวนผู้กระทำผิดซ้ำ : ศึกษากรณีเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานีกรมราชทัณฑ์ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีวัตถุประสงค์สามประการ ดังนี้ 1.เพื่อศึกษาปัญหาและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโอกาสใน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อกลับคืนสู่สังคมของผู้ต้องขังเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี กรมราชทัณฑ์ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี2.เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการกำหนดระยะพ้นมลทินของประเทศไทยและ ต่างประเทศเพื่อนำมาปรับใช้ในผู้ต้องขังเรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี กรมราชทัณฑ์ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ ธานี และ 3.เพื่อหาแนวทางในการออกกฎหมายการกำหนดระยะเวลาพ้นมลทินเพื่อลดจำนวน ผู้กระทำผิดซ้ำต่อไป ซึ่งวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) แบบกรณีศึกษา ร่วมกับการวิจัยเอกสาร เพื่อตอบวัตถุประสงค์ของการศึกษาในแต่ละประเด็น รวบรวมและ วิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ต่อจากนั้นจึงนำมาวิเคราะห์สังเคราะห์โดยการอธิบายเชิงพรรณนาเชื่อมโยงความสัมพันธ์ จากการศึกษาพบว่า 1.ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโอกาสในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อกลับคืนสู่สังคมของผู้ต้องขัง ประกอบด้วยสาเหตุหลักสองประการ ได้แก่ ประการแรก สาเหตุทาง สังคม เช่น ผู้ต้องขังที่กระทำความผิดมักมีภูมิหลังที่แตกต่างหลากหลาย มีประวัติต้องเผชิญกับการใช้ ความรุนแรง ครอบครัวแตกแยก ปัญหาการว่างงานไม่ได้รับโอกาสจากสังคมในการ ประการที่สอง สาเหตุจากปัญหาในกระบวนการยุติธรรมของไทยเองที่ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดได้ อย่างเต็มที่ ในส่วนของปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโอกาสในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อกลับคืน สู่สังคมของผู้ต้องขัง ได้แก่ รัฐต้องเปิดกว้างการสมัครงานให้ผู้ต้องขังที่พ้นโทษทั้งภาครัฐและ ภาคเอกชน กรมราชทัณฑ์จะต้องเตรียมความพร้อมให้กับผู้ต้องขังที่จะพ้นโทษในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านร่างกาย การฝึกระเบียบวินัยในตนเอง การพัฒนาด้านจิตใจ ความคิดทักษะการใช้ชีวิต การเตรียมความพร้อมด้านอาชีพ การเตรียมความพร้อมด้านครอบครัวและสังคม 2.การฟื้นฟู โอกาสให้ผู้ที่พ้นโทษแล้วสามารถกลับเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อีกครั้ง ควรจะมีการกำหนดระยะพ้น มลทิน เหมือนอย่างเช่นประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์คือ ภายหลังจากการพ้นโทษเป็นเวลา 5 ปี และ ไม่ได้กระทำความผิดซ้ำอีก ผู้มีประวัติอาชญากรสามารถทำเรื่องขอลบชื่อของตนเองออกจากระบบได้ โดยประเทศไทยอาจจะกำหนดระยะเวลาภายหลังพ้นโทษที่ก่อให้เกิดสิทธิในการยื่นคำขอล้างมลทิน โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความผิดที่ได้กระทำขึ้นเพื่อพิสูจน์ตนเองว่าตนเองนั้นสามารถกลับตัว เป็นคนดีในสังคมได้เหมือนเช่นประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส 3.ควรมีการกำหนดระยะพ้นมลทิน ภายหลังจากการพ้นโทษหากผู้พ้นโทษนั้นไม่ได้กระทำผิดซ้ำอีก โดยผู้มีประวัติอาชญากรสามารถ ทำเรื่องขอลบชื่อของตนเองออกจากระบบได้เนื่องจากการมีชื่อติดอยู่ในทะเบียนอาชญากรรม ก่อให้เกิดปัญหาที่สืบเนื่อง เช่น การจ้างงานที่ทำให้คนเหล่านี้ขาดคุณสมบัติ การเดินทางไปในที่ต่าง ๆ หรือการไปเรียนต่อต่างประเทศไม่อาจกระทำได้ เนื่องจากทะเบียนประวัติที่ทำให้เป็นบุคคลต้องห้าม ผู้วิจัยจึงเสนอให้มีการกำหนดระยะพ้นมลทินตามประเภทของคดี ดังนี้ 1) หากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปี กำหนดระยะพ้นมลทิน 5 ปีภายหลังจากพ้นโทษ 2) หากเป็นคดีที่ระวาง โทษจำคุกไม่ถึง 10 ปี กำหนดระยะ พ้นมลทิน 3 ปีภายหลังพ้นโทษ 3) หากเป็นคดีความผิดลหุโทษ กำหนดระยะพ้นมลทิน 1 ปีภายหลังจากพ้นโทษ
URI: http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1147
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:DI: Research Reports

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
Chattamat.pdf23.01 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น