กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1113
ชื่อเรื่อง: การจัดการความขัดแย้งระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ เกี่ยวข้อง กรณีศึกษา โครงการสํารวจและออกแบบทางต่างระดับ จุดตัดทางหลวงหมายเลข 420 กับทางหลวงหมายเลข 401 (แยกท่ากูบ) และจุดตัดถนนเทศบาล (แยกตาปาน)
ชื่อเรื่องอื่นๆ: Management of Conflicts between Stakeholder, Government Agencies, and the Private Sector The intersection of Highway 420 with Highway No. 401 (Tha Koob Intersection) and the intersection of Thetsaban Road are examples of intersection surveys and design projects (Ta Pan Intersection).
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: กนกกุล เพชรอุทัย
คำสำคัญ: การจัดการความขัดแย้ง
ผู้มีส่วนได้ส่วยเสียกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
โครงการสํารวจและออกแบบทางต่างระดับ
ทางหลวง
วันที่เผยแพร่: 8-กัน-2568
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
บทคัดย่อ: รายงานวิจัยเรื่อง การจัดการความขัดแย้งระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ เกี่ยวข้อง กรณีศึกษา โครงการสํารวจและออกแบบทางต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 420 กับทางหลวง หมายเลข 401 (แยกท่ากูบ) และจุดตัดถนนเทศบาล (แยกตาปาน) ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากงบประมาณจาก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎรืธานี ปีงบประมาณ 2565 โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสาเหตุและสถานการณ์ความขัดแย้งของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการสํารวจและออกแบบทางต่าง ระดับ จุดตัดทางหลวงหมายเลข 420 กับทางหลวงหมายเลข 401 (แยกท่ากูบ) และจุดตัดถนนเทศบาล (แยกตา ปาน) และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการจัดการความขัดแย้งของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการสํารวจและออกแบบ ทางต่างระดับ จุดตัดทางหลวงหมายเลข 420 กับทางหลวงหมายเลข 401 (แยกท่ากูบ) และจุดตัดถนนเทศบาล (แยกตาปาน) ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพโดยเครื่องมือที่ใช้คือแบบสัมภาษณ์และจัดประชุมกลุ่มย่อยแบบไม่เป็นทางการและการเลือกตัวอย่างนั้นต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยเชิงคุณภาพต้องมีลักษณะหรือคุณสมบัติ ที่เฉพาะเจาะจงสอดคล้องกับคําถามการวิจัย เริ่มจากการแบ่งกลุ่มผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการออกเป็น 3 กลุ่มตัวอย่าง โดยใช้วิธีการสุ่มเลือกเจาะจงต้องมีคุณสมบัติคือสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกและต้องอยู่ในชุมชนบึงขุน ทะเล กลุ่มที่ 1 ครัวเรือนมีรัศมี 0-500 เมตร และกลุ่มที่ 2 ตัวแทนพื้นที่อ่อนไหวทางสิ่งแวดล้อม ในระยะ 500 เมตร จากแนวเขตทางโครงการ และตัวแทนสถานประกอบการระยะประชิดแนวเส้นทางที่มีการก่อสร้างโครงสร้าง ขนาดใหญ่ พบว่าสาเหตุความขัดแย้งเกิดขึ้น 5 ประการดังนี้ 1) ความขัดแย้งด้านความสัมพันธ์ 2) ความขัดแย้ง ด้านข้อมูล 3) ความขัดแย้งได้ผลประโยชน์ 4) ความขัดแย้งด้านโครงสร้าง 5) ความขัดแย้งด้านค่านิยม และแนวทางการจัดการความขัดแย้งประกอบประไปด้วย 3 ประการ ได้แก่ 1) ด้านการยอมรับด้วยกระบวนการรับฟัง ความคิดเห็นที่เป็นที่ยอมรับและการเข้ามามีส่วนร่วมของคู่ขัดแย้งทุกฝ่าย รวมทั้งปรับแนวคิดในการตัดสินใจการ ดําเนินงานปราศจากอคติ 2) ด้านการประนีประนอมเป็นการพบปะหารือกันเพื่อเจรจาต่อรอง และประสานความ เข้าใจความแตกต่างทางความคิดให้เข้าใจตรงกัน และ 3) ด้านการร่วมมือ เป็นวิธีการจัดการกับความขัดแย้ง ขณะเดียวกันมีพฤติกรรมการให้ความร่วมมือ เช่น การประสานประโยชน์ ระดมสมอง เพื่อแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ และมีกระบวนการแก้ปัญหาที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ด้วยเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นผู้ร่วมตัดสินใจใน การแก้ไขปัญหาจะทำให้การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยการไม่เผชิญหน้ากับกัน และรัฐควรเป็นผู้สนับสนุนและให้ข้อมูลทางวิชาการเพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นปัญหาที่ทำให้เกิดความขัดแย้งตามมา
URI: http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1113
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:DI: Research Reports

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
Kanokul.pdf21.93 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น