กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1154
ชื่อเรื่อง: ปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในการชันสูตรพลิกศพในคดีอาญา
ชื่อเรื่องอื่นๆ: Problems of official’s performing duties of autopsy in criminal case.
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: พรอุมา วงศ์เจริญ
คำสำคัญ: การปฏิบัติหน้าที่
บุคลากร
การชันสูตรพลิกศพ
คดีอาญา
วันที่เผยแพร่: 25-กัน-2568
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาถึงแนวคิดการสอบสวนชันสูตรพลิกศพ ประวัติ การชันสูตรพลิกศพในประเทศไทย ระบบการชันสูตรพลิกศพ 2) ศึกษาปัญหาการบังคับใช้ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพ 3) เปรียบเทียบและเสนอแนวทางแก้ไข การชันสูตรพลิกศพคดีอาญาในประเทศไทยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ แพทย์ นิติเวช พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และพนักงานฝ่ายปกครอง เลือกแบบเจาะจง จำนวน 4 คน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์เอกสารและ การสัมภาษณ์เชิงลึก ผลการศึกษา พบว่า จากการศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับการสอบสวนการชันสูตรพลิกศพ การสอบสวน คือการรวบรวม พยานหลักฐาน โดยพนักงานสอบสวนได้กระทำไปเกี่ยวกับความผิดที่กล่าวหาเพื่อทำให้ทราบ ข้อเท็จจริงหรือเพื่อพิสูจน์ความผิดนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนยุติธรรมต่อไปโดยมี วัตถุประสงค์ให้ทราบว่ามีการกระทำความผิดอาญาหรือไม่ เพราะหากมิใช่ความผิดทางอาญาพนักงาน สอบสวนไม่มีอำนาจในการสอบสวน และเพื่อให้ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ และเพื่อนำตัวผู้กระทำ ความผิดมาลงโทษ ประวัติการชันสูตรพลิกศพในคดีอาญาของประเทศไทยพบว่าสมัยกรุงสุโขทัยไม่ได้ มีการบัญญัติกฎเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพไว้อย่างชัดเจน จนกระทั่ง รัชสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2347 ได้มีการตรากฎหมายตราสามดวงขึ้นปรากฎในหมวดพระไอยการลักษณะวิวาทด่าตีกัน โดยสรุป เนื้อหาว่าหากมีการตีฟันแทงกันถึงตายให้นายพะทำรงไปดูศพ และถ้าผู้ร้ายตายลงให้เวรมหาดไทย กลาโหม กรมวัง ไปดูศพ และถ้านักโทษตายโดยมิทราบเหตุแน่ แพทย์ใหญ่ต้องมาตรวจศพให้ทราบ เหตุ ถ้าเป็นเรื่องที่สงสัยให้ผ่าศพนั้นตามวิธีแพทย์ศาสตร์ก่อนแล้วจึงเอาไปฝังหรือเผา จนกระทั่ง เมื่อปี พ.ศ. 2457 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการชันสูตรพลิกศพ เป็นการเฉพาะจนกระทั่ง รัชสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2347 ได้มีการตรากฎหมายตราสามดวงขึ้นปรากฎในหมวดพระไอยการลักษณะวิวาท ด่าตีกัน โดยสรุปเนื้อหาว่าหากมีการตีฟันแทงกันถึงตายให้นายพะทำรงไปดูศพ และถ้าผู้ร้ายตายลงให้ เวรมหาดไทย กลาโหม กรมวัง ไปดูศพ และถ้านักโทษตายโดยมิทราบเหตุแน่ แพทย์ใหญ่ต้องมาตรวจ ศพให้ทราบเหตุ ถ้าเป็นเรื่องที่สงสัยให้ผ่าศพนั้นตามวิธีแพทย์ศาสตร์ก่อนแล้วจึงเอาไปฝังหรือเผา จนกระทั่ง เมื่อปี พ.ศ. 2457 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการชันสูตรพลิกศพ เป็นการเฉพาะ จนถึงปัจจุบันได้มีการแก้ไขในบางมาตรา กว่า 6 ครั้งแต่ก็ยังพบว่าการชันสูตรพลิกศพยังเกิดปัญหาแต่ ก็ยังพบว่าการชันสูตรพลิกศพยังเกิดปัญหาและพบว่าระบบชันสูตรพลิกศพที่สำคัญและมีการ ดำเนินการในปัจจุบันได้แก่ ระบบแพทย์สอบสวน ระบบตำรวจ ระบบโคโรเนอร์ และ ระบบศาล แต่ก็ ยังมีระบบอื่นด้วยแต่ไม่เป็นที่นิยม ทั้งนี้การใช้ระบบการชันสูตรพลิกศพแต่ละประเทศขึ้นอยู่กับ กฎหมายของแต่ละประเทศ และบริบทภายในประเทศของตนว่าจะใช้ระบบการชันสูตรพลิกศพระบบใดเหมาะสม และพบว่าสภาพปัญหาการชันสูตรพลิกศพในประเทศไทยนั้นเริ่มตั้งแต่โครงการในเชิง ระบบ คือไม่มีองค์กรรับผิดชอบหลัก ปัจจุบันกำหนดให้มีบุคลากรที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ได้แก่ พนักงานสอบสวน แพทย์ พนักงานอัยการ และพนักงานฝ่ายปกครอง จึงทำให้การทำงานเกิดปัญหา ในทางปฏิบัติหลายประการดังนี้ 1. พนักงานสอบสวนใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยเหตุการตายที่กว้างเกินไป อาจทำให้การตายโดยผิดธรรมชาติถูกตัดออกจากกระบวนการชันสูตรพลิกศพตั้งแต่ต้น 2.กำหนดให้ แพทย์อื่นซึ่งมิใช่แพทย์นิติเวชเข้าร่วมชันสูตรพลิกศพ 3. สิทธิการแจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตทราบเหตุการ ตาย แต่ไม่มีสิทธิเข้าร่วมชันสูตรพลิกศพ 4.การขาดแคลนแพทย์ทางนิติเวช 5.บุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่ ขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ 6.ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุ เสนอแนวทางแก้ไข 1. ควรปรับโครงสร้างระบบชันสูตรพลิกศพ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นองค์กรผู้รับผิดชอบ หลัก 2. เพิ่มเหตุการณ์ตายผิดธรรมชาติอื่น ๆ จากที่กฎหมายกำหนด 3. จัดให้มีทีมผู้ช่วยบุคลากรทาง การแพทย์ 4. กำหนดเหตุแพทย์นิติเวชต้องไปยังสถานที่พบศพ ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติ หน้าที่เท่านั้นและห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณที่พบศพ 5. ให้ญาติผู้ตายมีสิทธิการเข้าร่วม ชันสูตรพลิกศพ 6. ควรมีการฝึกอบรมความรู้ให้แก่บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่และกำหนดประสบการณ์ใน การปฏิบัติหน้าอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 5 ปี
URI: http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1154
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:DI: Research Reports

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
Pornuma.pdf1.43 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น