กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1037
ชื่อเรื่อง: | ปัญหาที่มาของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | The Problems Regarding the Source of the Administrators in the Special Form of Local Government Administration |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | ชินชัยพงศ์ ทิพย์ภักดี อัคคกร ไชยพงษ์ |
คำสำคัญ: | ที่มาผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ทฤษฎี นิติศาสตร์เชิงสังคมวิทยา หลักความชอบธรรมทางประชาธิปไตย |
วันที่เผยแพร่: | 16-กัน-2566 |
สำนักพิมพ์: | บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี |
แหล่งอ้างอิง: | บทความ, การค้นคว้าอิสระนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิติศาสตร์ |
บทคัดย่อ: | การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับที่มาของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษของประเทศไทย 2) ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับที่มาของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษในต่างประเทศ และประเทศไทย 3) เสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่มาของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษของประเทศไทย โดยการศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ ซึ่งศึกษาจากเอกสารเป็นสำคัญ โดยนำข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาวิเคราะห์ และเรียบเรียงในรูปแบบพรรณนาความ เพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทางแก้ไขปัญหาที่มาของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษของประเทศไทย ผลการศึกษาพบว่า 1) ที่มาของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษของประเทศเสรีประชาธิปไตยส่วนใหญ่มาจาก 3 วิธีการ คือ การเลือกตั้งจากประชาชน การแต่งตั้ง และการว่าจ้างผู้มีความเป็นมืออาชีพเข้ามาบริหาร 2) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 และพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2542 กำหนดให้ประเทศไทยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ อยู่ด้วยกัน 2 แห่ง คือ กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา โดยผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษทั้งสองแห่งนี้มาจาก การเลือกตั้งของประชาชน การที่มาตรา 252 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 บัญญัติว่า “...ผู้บริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้งหรือมาจากความเห็นชอบของสภาท้องถิ่น หรือในกรณีองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ จะให้มาโดยวิธีอื่นก็ได้ แต่ต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ...” จึงอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางทุจริตของกลุ่มคนบางกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีอำนาจปกครองรัฐ อันเป็นความไม่ชอบธรรมทางประชาธิปไตยผ่านตัวบทกฎหมาย ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากการตรากฎหมายขัดแย้งกับทฤษฎีนิติศาสตร์เชิงสังคมวิทยาที่มุ่งหมายให้การตรากฎหมายนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนรวม 3) แนวทางในการแก้ไขปัญหา คือ เห็นควรให้มีการแก้ไขมาตรา 252 จากเดิมที่กำหนดให้ “ให้มาโดยวิธีการอื่นได้” เปลี่ยนมาเป็น “ให้มาจากการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว” และขยายความ “รัฐเดี่ยว” ที่ปรากฏในมาตรา 1 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ให้มีความเป็นเป็นรัฐเดี่ยวที่เอื้อต่อการปกครองตนเอง มุ่งเน้นการกระจายอำนาจ อีกทั้งควรเพิ่มบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่รับรองให้ประชาชนสามารถลงประชามติกำหนดรูปแบบโครงสร้างการบริหารท้องถิ่นของตนได้ |
รายละเอียด: | บทความการค้นคว้าอิสระนิติศาสตรหาบัณฑิต |
URI: | http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1037 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | Laws : Independent Study (IS) |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
is66law_Chinchaipong.pdf | บทความ, การค้นคว้าอิสระนิติศาสตรหาบัณฑิต | 731.42 kB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น