SRU Intellectual Repository
http://172.18.9.24:80
The DSpace digital repository system captures, stores, indexes, preserves, and distributes digital research material.
2024-03-18T23:26:18Z
-
มาตรการบังคับผู้หลบหนีระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกัน
http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1055
Title: มาตรการบังคับผู้หลบหนีระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกัน
Authors: สิทธิพร ทองจิตร; จิตรดารมย์ รัตนวุฒิ
Abstract: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบังคับผู้หลบหนีระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกัน 2) ศึกษากฎหมายไทยและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับมาตรการบังคับทางกฎหมายผู้หลบหนีระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกัน และ 3) หามาตรการบังคับผู้หลบหนีระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกัน เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ได้แก่ กฎหมาย หนังสือ ตำรา บทความวิชาการ คำพิพากษาของศาล และข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายต่างประเทศ แล้วนำข้อมูลที่ได้รับมาเรียบเรียงด้วยวิธีการพรรณนาความเพื่อให้ได้มาซึ่งมาตรการบังคับผู้หลบหนีระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกัน ผลการศึกษาพบว่า 1) แนวคิด ทฤษฎีและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบังคับผู้หลบหนีระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกันในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกามีความคล้ายคลึงกันในด้านการกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวหลบหนีหรือไม่มาศาลตามนัด ซึ่งสำหรับสหราชอาณาจักร หากไม่มาศาลตามนัดอาจถูกลงโทษจำคุก และหรือปรับ ส่วนสหรัฐอเมริกา หากไม่มาศาลตามนัดอาจถือว่าบุคคลนั้นได้กระทำละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ถือว่าเป็นความผิดในข้อหาละเมิดอำนาจศาล ซึ่งศาลอาจสั่งลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้ สำหรับสาธารณรัฐฝรั่งเศส ศาลไม่นิยมการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยการเรียกหลักประกัน แต่จะพิจารณาว่าจะขังหรือจะปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างดำเนินคดีโดยคำนึงถึงความเสี่ยงว่าจะหลบหนี ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือไปก่อภัยอันตรายประการอื่น หากไม่เข้ากรณีดังกล่าว ศาลจะปล่อยตัวโดยไม่เรียกหลักประกันแต่อย่างใด แต่จะใช้มาตรการอื่นให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยปฏิบัติแทนการเรียกหลักประกันเพื่อป้องกันการหลบหนี 2) ราชอาณาจักรไทยไม่มีมาตรการทางกฎหมายบังคับผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกันหลบหนีหรือผิดเงื่อนไข ซึ่งต่างจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ที่กำหนดมาตรการบังคับทางกฎหมายสำหรับผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกันกระทำผิดเงื่อนไข ถือว่าเป็นความผิดในข้อหาละเมิดอำนาจศาล ส่วนกฎหมายของสาธารณรัฐฝรั่งเศส กฎหมายให้อำนาจศาลมีหมายเรียกและควบคุมตัวบุคคลนั้น และ 3) ผู้ศึกษาเสนอมาตรการบังคับผู้หลบหนีระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกัน โดยการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 (1) กำหนดให้การหลบหนีของผู้ต้องหาหรือจำเลยในระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีประกันถือเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล และให้ผู้หลบหนีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการติดตามจับกุม และ (2) การหลบหนีในการปล่อยตัวชั่วคราวให้ถือว่าอายุความสะดุดหยุดอยู่ และให้นับอายุความต่อเมื่อจับกุมผู้หลบหนีได้แล้ว
Description: การค้นคว้าอิสระนิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
2567-03-12T00:00:00Z
-
การเปรียบเทียบสมรรถนะหลักของนักวิชาการตรวจสอบภายใน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดชุมพร
http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1054
Title: การเปรียบเทียบสมรรถนะหลักของนักวิชาการตรวจสอบภายใน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดชุมพร
Authors: ศิริวรรณ สังข์ไชย; ธนายุ ภู่วิทยาธร
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสมรรถนะหลักที่คาดหวังของนักวิชาการตรวจสอบภายในขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดชุมพร 2) ศึกษาสมรรถนะหลักที่ปฏิบัติได้ของนักวิชาการตรวจสอบภายในขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดชุมพร และ 3) เปรียบเทียบสมรรถนะหลักที่ปฏิบัติได้และสมรรถนะหลักที่คาดหวังของนักวิชาการตรวจสอบภายในขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดชุมพร เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ได้แก่ประชากรตำแหน่งนักวิชาการตรวจสอบภายในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดชุมพร จำนวน 79 คน เก็บได้ 66 คน คิดเป็นร้อยละ 83.54 ของจำนวนประชากรทั้งหมด การสุ่มตัวอย่างตามความสะดวก โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ มีค่าความเที่ยงตรงของเนื้อหา 0.67-1.00 สมรรถนะหลักที่ปฏิบัติได้เท่ากับ 0.96 และสมรรถนะหลักที่คาดหวังเท่ากับ 0.94 ค่าสถิติที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า 1) สมรรถนะหลักที่คาดหวังของนักวิชาการตรวจสอบภายในปฏิบัติการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดชุมพร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x ̅=4.24) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านการบริการเป็นเลิศมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคือด้านการยึดมั่นในความถูกต้องและจริยธรรม และด้านการทำงานเป็นทีม ตามลำดับ 2) สมรรถนะหลักที่ปฏิบัติได้ของนักวิชาการตรวจสอบภายในปฏิบัติการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดชุมพร โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x ̅=4.25) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านการบริการเป็นเลิศมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคือด้านการยึดมั่นในความถูกต้องและจริยธรรม และด้านการทำงานเป็นทีม ตามลำดับ และ 3) การเปรียบเทียบสมรรถนะหลักที่ปฏิบัติได้และสมรรถนะหลักที่คาดหวังของนักวิชาการตรวจสอบภายในขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดชุมพร พบว่า โดยภาพรวมแตกต่างกันทุกด้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสมรรถนะหลักที่ปฏิบัติได้และสมรรถนะหลักที่คาดหวังสะท้อนให้เห็นว่านักวิชาการตรวจสอบภายในขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดชุมพรต้องการที่จะมีสมรรถนะหลักด้านการมุ่งผลสัมฤทธิ์ ด้านการยึดมั่นในความถูกต้องและจริยธรรม ด้านความเข้าใจในองค์กรและระบบงาน ด้านการบริการเป็นเลิศ และด้านการทำงานเป็นทีม
Description: การค้นคว้าอิสระบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
2567-03-07T00:00:00Z
-
การคุ้มครองสิทธิของผู้มีหลักประกันโดยอาศัยหลักความรับผิดอย่างอื่นของรัฐ ศึกษากรณี การเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน
http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1053
Title: การคุ้มครองสิทธิของผู้มีหลักประกันโดยอาศัยหลักความรับผิดอย่างอื่นของรัฐ ศึกษากรณี การเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน
Authors: สุภาพร ปิ่นทอง; จิตรดารมย์ รัตนวุฒิ
Abstract: การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับความรับผิดอย่างอื่นของรัฐ 2) ศึกษามาตรการกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดอย่างอื่นของรัฐ 3) ศึกษาแนวทางการคุ้มครองสิทธิ์ของผู้มีหลักประกันโดยอาศัย หลักความรับผิดอย่างอื่นของรัฐ ด้วยการศึกษาวิจัยคุณภาพ ในรูปแบบการรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ได้แก่ กฎหมาย หนังสือ ตำรา บทความวิชาการ คำพิพากษาของศาล และข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยเรียบเรียงด้วยวิธีการพรรณนาความ ผลการศึกษาพบว่า แนวความคิดเกี่ยวกับความรับผิดอย่างอื่นของรัฐ เกิดขึ้นโดยการวินิจฉัยของสภาแห่งรัฐ ของสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยอาศัยทฤษฎีเสี่ยงภัยพิเศษและเพื่อสังคม และทฤษฎีความเสมอภาคของบุคคลต่อภาระสาธารณะ มีข้อพิจารณาสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1) เกิดความเสียหายแก่เอกชน 2) ความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานรัฐเพื่อบริการสาธารณะ และ 3) ไม่อาจหาผู้รับผิดจากผลความเสียหายนั้นได้ กรณีหลักความรับผิดอย่างอื่นของรัฐของราชอาณาจักรไทย ถูกรับรองไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง อนุมาตรา (3) แต่หลักการดังกล่าวยังปรากฏข้อจำกัดสำคัญ คือ ไม่มีหลักเกณฑ์ที่จะนำมาใช้ในการพิจารณาทำให้ความคุ้มครองโดยอาศัยหลักความรับผิดอย่างอื่นของรัฐไม่อาจไปถึงบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบ ผู้ศึกษาจึงมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1) ควรมีการนำหลักความรับผิดอื่นของรัฐจากหลักการทฤษฎีความเสมอภาคของบุคคลต่อภาระสาธารณะมาใช้ในคดีปกครอง 2) ควรเพิ่มเติมนิยามศัพท์ คำว่า ความรับผิดอย่างอื่นของฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
Description: การค้นคว้าอิสระนิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
2567-02-08T00:00:00Z
-
การมีส่วนร่วมทางการเมืองของเกษตรกรในเขตอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
http://ir.sru.ac.th/handle/123456789/1052
Title: การมีส่วนร่วมทางการเมืองของเกษตรกรในเขตอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
Authors: ประเสริฐพงษ์ มงคล; สุพัฒพงศ์ แย้มอิ่ม; อัศว์ศิริ ลาปีอี
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1 ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง 2) ศึกษาระดับปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง และ 3) เสนอแนวทางการเสริมสร้างทางการเมืองของเกษตรกรในเขตอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี กำหนดกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่ายจากครัวเรือนเกษตรกร ในเขตอำเภอท่าชนะ จำนวน 382 ครัวเรือน ใช้วิธีการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณด้วยแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.957 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึกในการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงจากบุคลากรหน่วยงานภาครัฐที่ เกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐ จำนวน 10 คน วิเคราะห์ข้อมูลวิจัยโดยการตีความหาข้อสรุปเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของเกษตรกรในเขตอำเภอท่าชนะ ภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง เรียงจากมากไปหาน้อยดังนี้ ด้านการติดตามข่าวสารทาง ด้านการสนทนาเรื่องการเมืองด้านการใช้สิทธิ์และการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง ด้านการเข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมืองและกลุ่มทางการเมือง ด้านการติดต่อกับนักการเมือง และด้านการชุมนุมทางการเมือง 2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของเกษตรกรในเขตอำเภอท่าชนะ ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ การรับรู้ข่าวสารทางการเมือง การสนับสนุนพรรคการเมือง การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ และการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง 3) แนทางกรสริมสร้างทางการเมืองของเกษตรกรในเขตอำเภอท่าชนะ ได้แก่ (1) กำหนดมาตรการในการกระตุ้นให้เกษตรกรมีความตื่นตัว สนใจและติดตามข่าวสารด้านการเมืองจากสื่อหรือวิธีการต่าง ๆ ที่หลากหลาย (2) การให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่องการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญแก่กษตรกร (3) การกำหนดมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนช่วยเหลือให้เกษตรกรมีกระบวนการติดตามตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง และต่อต้านนักการเมืองที่ไม่ดี (4) การสนับสนุนผู้สมัครและนักการเมืองที่ดี (5) การให้ความร่วมมือกับทางราชการและปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี (6) การร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจทางการเมืองที่ถูกต้องให้กับสมาชิก ในครอบครัวเกษตรและบุคคลอื่น ๆ ในพื้นที่อย่างแพร่หลาย (7) การร่วมเสนอปัญหาและความต้องการให้ หน่วยงานรัฐมีการแก้ไข (8) การร่วมคัดค้านนโยบายที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน และเสียหายแก่ส่วนรวม (9) การปกป้องคุ้มครองสิทธิของตนมิให้ถูกละเมิดโดยการตรวจสอบสิทธิของตนตามกฎหมายมิให้ผู้อื่นมาละเมิดได้ และ (10) การร่วมสนับสนุนพรรคการเมืองที่ดีและมีคุณภาพ
Description: บทความ, การค้นคว้าอิสระรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี
2567-02-07T00:00:00Z